นับลูกดิ้น: ทำไมต้องนับลูกดิ้น

นับลูกดิ้น

ทำไมต้องนับลูกดิ้น? แล้วการดิ้นของเจ้าตัวเล็กจะมีอาการเป็นอย่างไรบ้างล่ะ สงสัยกันใช่ไหมคะแม่ๆ อันดับแรกเรามารู้กันก่อนว่า "การนับลูกดิ้น" มีความจำเป็นอย่างไร

การนับลูกดิ้นมีประโยชน์อย่างมากในการตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ หากทารกดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้นเลย อาจเป็นสัญญาณบอกว่าทารกมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์เพิ่มเติม ดังนั้น การนับลูกดิ้นเป็นวิธีการตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ที่สำคัญและควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยคุณแม่สามารถใช้วิธีการต่างๆในการนับลูกดิ้น เช่น การนับลูกดิ้นตามช่วงเวลาหรือการนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นในวันเดียวกันได้ โดยสามารถศึกษาวิธีการนับลูกดิ้นได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการดูแลสุขภาพของทารกในครรภ์

นับลูกดิ้น ทางการแพทย์

ทางการแพทย์ "การนับลูกดิ้น" ถือว่ามีความสำคัญมากค่ะ เพราะเป็นสัญญาณที่จะสามารถบอกคุณแม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ทั้งยังบอกถึงสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก และสามารถบอกได้อีกว่าเจ้าตัวเล็กนั้นหลับหรือตื่นอยู่ค่ะ ซึ่งในบางครั้งที่คุณพ่อคุณแม่คุบกับน้อง เขาอาจจะมีปฎิกิริยาตอบโต้ด้วยการดิ้น และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ การนับลูกดิ้นจึงมาความสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวเล็กมีสุขภาพที่ดีหรือเปล่า

อาการของลูกดิ้นเป็นอย่างไร

คุณแม่จะรู้สึกเหมือนกำลังโดนปลาตอดค่ะ หรืออาจจะรู้สึกกระตุกเบาๆ ที่ท้อง และในคุณแม่ที่พึ่งท้องครั้งแรกจะรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 18-20 สัปดาห์ (หรือ 4 เดือนครึ่งนับจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย) ส่วนคุณแม่ที่เคยคลอดลูกมาแล้วจะรู้สึกว่าลูกดิ้นไวกว่าเมื่อมีอายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์ (หรือ 4 เดือน)

วิธีการนับลูกดิ้น

คำว่า "ลูกดิ้น" หมายถึง การถีบ การเตะ กระทุ้ง หมุนตัว และโก่งตัว แต่ถ้าเป็นการตอดต่อเนื่องยาวๆ หรือสะอึกจะไม่นับว่าเป็นการดิ้นนะคะ

เวลาที่เหมาะสม

การนับลูกดิ้นเป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบสุขภาพของทารกในครรภ์ ซึ่งควรเริ่มต้นนับตั้งแต่เดือนที่ 7 ของการตั้งครรภ์ โดยเวลาที่เหมาะสมในการนับลูกดิ้นคือ หลังจากทานอาหาร หรือเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ช่วงเย็นหรือกลางคืน

ขั้นตอนการนับ

การนับลูกดิ้นสามารถทำได้โดย นับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นภายในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยควรนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นภายใน 1 ชั่วโมง หากนับได้ 4 ครั้งขึ้นไปในช่วงเวลาดังกล่าว แปลว่าทารกอยู่ในสภาวะปกติ แต่หากนับได้น้อยกว่า 4 ครั้ง ให้นับต่อไปอีกจนครบ 4-6 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการนับลูกดิ้นอื่น ๆ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น

• ดูการดิ้นตลอด 24 ชั่วโมง โดยต้องคอยจดบันทึกการดิ้นของทารกตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง
• การนับด้วยเทคนิค Sadovsky technique ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือช่วยในการนับลูกดิ้น

แต่วิธีการนับลูกดิ้นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ การนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นภายในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยควรนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นภายใน 1 ชั่วโมง และควรนับต่อเนื่องจนครบ 4-6 ชั่วโมง โดยหากนับได้ 4 ครั้งขึ้นไปในช่วงเวลาดังกล่าว แปลว่าทารกอยู่ในสภาวะปกติ

ลูกดิ้นมาก ดิ้นน้อย และไม่ดิ้น

ลูกดิ้นมาก

โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าลูกดิ้นมากจะไม่ถือว่าผิดปกติ แต่มีข้อยกเว้นเพียงบางกรณี คือ ลูกจะดิ้นแรงมากอยู่ระยะหนึ่งแล้วหยุดดิ้นไปเลยและไม่มีอาการดิ้นอีกต่อไป นั่นคือทารกในครรภ์เสียชีวิตไปแล้วค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งวิตกจนเกินเหตุนะคะ เพราะกรณีเช่นนี้มักจะมีสิ่งบอกเหตุมาก่อน เช่น มีโรคหรือมีความผิดปกติที่ตรวจพบอยู่ก่อนแล้วหรือกำลังรักษาอยู่ แต่ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ปกติแล้วลูกดิ้นแรงและดิ้นต่อไป ก็ไม่ต้องกังวลค่ะว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น

ลูกดิ้นน้อย

ในเบื้องต้นถ้าลูกดิ้นน้อยลง ให้ลองตั้งใจนับดูใหม่นะครับ ถ้ายังเกิน 10 ครั้งตามที่บอกไว้ก็ยังถือว่าปกติ แต่หากดิ้นน้อยลงและดิ้นเบาๆ หรือในวันหนึ่งๆ รู้สึกว่าลูกดิ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็ควรจะพบหมอทันทีค่ะ เพื่อจะได้ตรวจดูว่าสาเหตุที่ลูกดิ้นน้อยนั้นเกิดจากอะไร

ลูกไม่ดิ้น

หากลูกหยุดดิ้นไปอย่างน้อย 12 ชั่วโมง คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

ตารางวิธีการนับลูกดิ้น

ให้นับเด็กดิ้นหลังรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมงทุกมื้อ (เช้า กลางวัน และเย็น) โดยเริ่มนับตั้งแต่เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ปกติแล้วหลังคุณแม่รับประทานอาหารเด็กจะต้องดิ้นอย่างน้อย 4 ครั้งต่อมื้อ ให้คุณแม่ขีดจำนวนที่เด็กดิ้นลงไปในช่องที่เว้นไว้ 1 ขีดต่อครั้ง เช่น มื้อเช้าดิ้น 4 ครั้ง กลางวันดิ้น 5 ครั้ง เย็นดิ้น 5 ครั้ง รวมแล้วเป็น 14 ครั้ง แบบนี้ก็ถือว่าปกติค่ะ