ผื่นกุหลาบ: โรคผิวหนังที่ควรระวังในหน้าฝน
“ผื่นกุหลาบ” เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก และยังเป็นหนึ่งใน โรคหน้าฝน แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปนะคะ โรคผื่นกุหลาบไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เพราะสามารถหายเองได้ค่ะ ใครเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ควรทำความรู้จักและเตรียมรับมือไปกับโรคนี้กันนะคะ
ผื่นกุหลาบ คืออะไร?
ผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ส่าไข้ เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักพบได้บ่อยในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี และเด็กเล็กเกือบทุกคนจะต้องเคยเป็นโรคนี้ค่ะ
สาเหตุของการเกิด "ผื่นกุหลาบ"
- เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนเฮอร์ปีส์ชนิดที่ 6 และชนิดที่ 7 (Human Herpesvirus Type 6,7) ที่อยู่ในน้ำลาย และเสมหะ แพร่กระจายโดยการไอ จาม รวมถึงสัมผัสทางตรงและทางอ้อม เช่น เล่นของเล่นที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ แล้วเอามือมาขยี้ตา จับจมูก หรือเอามือเข้าปากก็สามารถติดเชื้อได้
- เกิดจากการทำความสะอาดของเล่นเด็กไม่สะอาด เพราะเด็กเล็กมักจะชอบกัดสิ่งของ ทำให้มีเชื้อโรค และไวรัสอาจติดมาได้ หากไม่ทำความสะอาดหลังจากที่ลูกเล่นเสร็จ อาจทำให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ และก่อให้เกิดเป็นผื่นกุหลาบได้ค่ะ
อาการของ ผื่นกุหลาบ
- ไข้สูงเฉียบพลัน ระยะก่อนผื่นขึ้นจะพบไข้สูงประมาณ 39.5-40.5 องศาเซลเซียส
- มีผื่นขึ้นกระจายตามแขน ขา ใบหน้า และลำตัว มีขนาด 1-3 มิลลิเมตร
- ผื่นกุหลาบจะมีลักษณะเป็นวงรี มีสีชมพูอมแดง สีชมพู หรือสีออกส้ม คล้ายกับดอกกุหลาบ ตรงกลางมีลักษณะย่น
- ผื่นกุหลาบจะอยู่ไม่กี่ชั่วโมง หรือนาน 2-3 วัน แล้วจะหายไป
- อาจพบจุดแดงเล็กๆ ที่เพดานอ่อนและลิ้นไก่
- อาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต บริเวณหลังหู ท้ายทอย หนังตาบวมเล็กน้อย เยื่อบุตาแดง
- ช่วงที่ไข้ลดลงแล้วอาจพบผื่นราบสีแดงขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร บริเวณลำตัวและแขน โดยผื่นบางจุดอาจมีลักษณะนูนเล็กน้อย หรืออาจมีวงสีแดงจางๆ อยู่รอบผื่น
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดของผื่นกุหลาบ
- เมื่อเป็นไข้ อาจทำให้เกิดอาการชัก ประมาณ 2-3 นาที ซึ่งเป็นภาวะแซกซ้อนที่พบได้ประมาณ 6-15% ของผู้ป่วย โดยเฉพาะในเด็กอายุ 12-15 เดือน
- สำหรับเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ อาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไขกระดูกไม่ทำงาน
- อาจมีอาการสมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตับอักเสบ หรือภาวะเกร็ดเลือดต่ำแทรกซ้อน แต่พบได้น้อยมาก
สิ่งที่ต้องระวังในโรคผื่นกุหลาบที่พบกับเด็กเล็ก คือ เด็กจะมีอาการปกติดีทุกอย่าง แต่จะมีไข้สูงเฉียบพลัน อาจทำให้พ่อแม่ไม่ทันระวังจนทำให้เกิดไข้ขึ้นสูง และตามมาด้วยอาการที่รุนแรงขึ้นนั่นเองค่ะ
ซึ่งโรคผื่นกุหลาบนี้ยังไม่มียารักษาเฉพาะตัวและวัคซีนป้องกัน เนื่องจากสามารถจางหายไปได้เอง ภายในเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์
วิธีดูแลรักษาอาการโรค ผื่นกุหลาบ
- เมื่อเด็กมีไข้ ให้หมั่นเช็ดตัวบ่อยๆ หรือหากจำเป็นให้ทานยาลดไข้ (แต่ห้ามให้ลูกกินยาแอสไพรินเด็ดขาด) ไม่ให้มีไข้สูง เพื่อป้องกันอาการชัก และควรสวมเสื้อผ้าสบายตัว เพื่อระบายความร้อนในร่างกาย
- ดื่มน้ำมากๆ จิบทีละน้อย แต่จิบให้บ่อยขึ้น โดยอาจเป็นน้ำ นม หรือน้ำหวานก็ได้ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นตัวอย่างเต็มที่
- หากลูกมีอาการระคายเคืองผิวที่บริเวณผื่น พยายามอย่าให้ลูกเกา ควรทาแป้งเพื่อป้องกันอาการคันมากกว่าค่ะ
- พาอุ้มเดินเล่น ตบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลมลูกไม่ให้งอแง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นให้ลูก เพราะอาจไปกระตุ้นให้ผื่นขึ้นมากกว่าเดิม
- โรคผื่นกุหลาบไม่ต้องให้ยาต้านไวรัส เพราะสามารถหายเองได้
- หากมีไข้สูงก่อนที่ผื่นกุหลาบจะขึ้น จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุของอาการ
- หากเด็กมีอาการชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ เผื่อกรณีบางรายอาจต้องมีการเจาะเลือด เพื่อหาสาเหตุของอาการชักว่ามาจากโรคอื่นหรือไม่