กฎหมายคาร์ซีท: สำคัญกับพ่อแม่อย่างไร?
ประกาศ กฎหมายคาร์ซีท
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชบัญญัติ จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ว่าด้วยการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี กำหนดโทษปรับไว้สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งมีผลบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2565
ผู้ปกครองหลายคนอาจคิดว่ากฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มความยุ่งยากในการเดินทางให้กับพ่อแม่และเด็กเล็ก อีกทั้งยังเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายจากรายจ่ายประจำเป็นเท่าตัว เมื่อคาร์ซีทนั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่ราคานั้นก็สมเหตุสมผลสำหรับความปลอดภัยของลูก
ซึ่งจากระบบบูรณาการข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 3 ฐาน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2564) พบว่ามีเด็กอายุแรกเกิด-6 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 1,155 ราย ในจำนวนนี้มี 221 ราย เป็นเด็กที่เสียชีวิตขณะโดยสารรถยนต์ (เฉลี่ยปีละ 44 ราย) และจากระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ กระทรวงสาธารณสุข 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) พบว่ากลุ่มเด็กอายุแรกเกิด-6 ปี ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีการใช้เบาะนิรภัยเพียงร้อยละ 3.46%
ดังนั้น คาร์ซีทซึ่งออกมาแบบมาเพื่อรับรองความปลอดภัยให้เด็กนั้นสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กในอุบัติเหตุรถยนต์ได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คาร์ซีทเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้พ่อแม่ทุกคนพยายามจัดหาคาร์ซีทตามกำลังทรัพย์ที่มี เลือกแบบและราคาที่คิดว่าสามารถจ่ายไหว อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อคาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรใส่ใจ การซื้อของราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพซึ่งไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของเด็กได้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
ทางประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้เห็นชอบการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก คาร์ซีท (Car seat) เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก โดยจะมีผลหลังจากวันที่ร่างประกาศฉบับนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
ผลจาก ครม. นี้ทำให้ราคาของการนำเข้าคาร์ซีทลดลงและส่งผลต่อราคาของคาร์ซีทที่ถูกจัดจำหน่ายภายในประเทศ แม้ราคาของคาร์ซีทจะยังค่อนข้างสูงอยู่เช่นเดิม แต่ก็แลกกับความปลอดภัยของเด็กๆในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ซึ่งทางผู้ปกครองควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
แต่หากกำลังทรัพย์ของพ่อแม่หลายท่านยังคงไม่เอื้ออำนวย อาจจะสามารถหาซื้อ คาร์ซีทมือสอง ได้ตามความเหมาะสม