Mombiestreet
Mombiestreet
@mombiestreet

กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้

กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้

 

กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้

 

การศึกษาเรื่องยาเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณแม่ต้องรู้ว่ามีตัวยาชนิดไหนที่ทานได้หรือไม่ได้บ้าง หรือยาตัวไหนมีความเสี่ยงสูงต่อลูกในครรภ์ของเราบ้าง เราจะมาบอกเล่าถึงยาต้องห้ามที่คุณแม่ควรรู้กัน

 

1. ยาแก้ปวดอักเสบ ลดไข้ ยาแก้ปวด

เช่น ไอบูโพรเพน (Ibuprofen) หรือ แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาที่ไว้ใช้กินประจำเมื่อเวลาแก้ปวด แก้อักเสบ หรือลดไข้ ซึ่งยาชนิดนี้เป็นยาต้องห้าม ทำให้เสี่ยงต่อการแท้งหรือเลือดออกขณะตั้งครรภ์ และรวมไปทั้งการคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ควรเปลี่ยนไปใช้ยาที่ปลอดภัยกับทารกแทน 

2. ยารักษาสิว กลุ่มกรดวิตามินเอ

ยารักษาสิวกลุ่มกรดวิตามิน เอ (Isotretinoin) ชนิดรับประทาน ถ้าคุณแม่คนไหนเคยทานยาชนิดนี้ก่อนตั้งครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์แล้วห้ามใช้ยานี้ เพราะมีผลค่อนข้างรุนแรงต่อลูกในท้อง อาจจะส่งผลให้ลูกในครรภ์พิการตั้งแต่กำเนิด ถ้าต้องการที่จะใช้ควรปรึกษาหมอก่อนทุกครั้ง

 

3. ยาปฏิชีวนะ

ยากลุ่มเพนิซิลิน (Penicillins) ค่อนข้างมีความปลอดภัยกับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ยาปฏิชีวนะที่ต้องระวังคือ “กลุ่มเตตร้าซัยคลิน (Tetracycline)” ซึ่งส่งผลต่อการสร้างกระดูกและฟันของลูก หรืออาจทำให้กระดูกและสมองของลูกผิดปกติ

 

4. ยารักษาเบาหวาน

ถ้าต้องการรักษาเบาหวานขณะตั้งครรภ์การฉีดอินซูลินจะปลอดภัยกว่า เพราะถ้าทานยารักษาเบาหวานขณะที่ตั้งครรภ์อาจปรับขนาดการทานยายาก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเกร็ดเลือดต่ำ (hypoglycemia) และยังส่งผลผ่านรกทำให้ทารกแรกคลอดเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำด้วย 

 

5. ยาสเตอรอยด์

สำหรับยากินหรือยาฉีด หากจำเป็นที่จะต้องใช้ในขณะตั้งครรภ์ควรให้คุณหมอเป็นคนสั่งยาให้ เพราะยาชนิดนี้จัดอยู่ในยาที่เป็นอันตรายซึ่งทำให้ทารกมีความพิการตั้งแต่กำเนิด เช่น เกิดภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่งได้ ส่วนยาสเตอรอยด์ที่ใช้แบบภายนอกยังสามารถใช้ได้แต่ควรใช้แบบอ่อนและในช่วงเวลาสั้นๆ

6. ยารักษาโรคความดันโลหิต

ยารักษาความดันโลหิตบางชนิด เช่น รีเซอร์พีน (Reserpine) มีผลทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ คุณแม่ที่กำลังรักษาโรคความดันโลหิตอยู่ แล้วกำลังวางแผนการตั้งครรภ์ควรรีบปรึกษาและแจ้งคุณหมอก่อนเพื่อความปลอดภัย

 

7. ยารักษามะเร็ง

การรักษามะเร็งที่มีการใช้สารเคมีบำบัดอาจส่งผลไปถึงทารกให้ครรภ์ได้ เพราะยาอาจไปหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ จึงควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ

 

8. ยากันชัก

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่กำลังรักษาอาการชักอยู่แล้วจำเป็นต้องทานยาควรอยู่ในความดูแลของหมออย่างเคร่งครัด เพราะอาจส่งผลทำให้ทารกที่คลอดออกมาพิการตั้งแต่กำเนิด

 

9. ยาขับปัสสาวะ

ยาขับปัสสาวะเป็นยาที่ช่วยในการขับน้ำและเกลือออกจากร่างกาย โดยมีการขับโซเดี่ยม คลอไรต์ ออกทางไตแร่ธาตุทั้งสองจะดึงน้ำออกไปทำให้เกลือและปริมาณเลือดในร่างกายลดลงพอลดลงก็จะทำให้ความดันโลหิตลดลงไปด้วย เป็นยาอันตราย ต้องห้ามสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ 

 

10. ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก คุณแม่ไม่ควรใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดบางชนิด เช่น เฟนินไดโอน (Phenindione) อินดานิดิโอน (Indanidione) และคูมาริน (Coumarin) เพราะอาจทำให้เด็กพิการ และยังอาจทำให้ทารกในครรภ์มีเลือดออกระหว่างคลอดอีกด้วย

 

11. แอลกอฮอล์

มีผลทำให้เกิดการแท้งสูงและเด็กมีโอกาสเสียชีวิตระหว่างคลอดเพิ่มขึ้น เด็กอาจมีภาวะการเจริญเติบโตในครรภ์ช้าและผิดปกติ

 

12. สาร NICOTINE ในบุหรี่

สาร NICOTINE สามารถซึมผ่านรกเข้าสู่กระแสโลหิตของเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งมีผลทำให้แท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ ส่วนเด็กที่คลอดออกมาอาจมีน้ำหนักตัวที่น้อย ตัวเล็ก หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ

13. คาเฟอีน

ในกาแฟ ชา และน้ำอัดลม ควรหลีกเลี่ยงในการบริโภคปริมาณมากๆ เพราะอาจทำให้เด็กทารกมีน้ำหนักน้อยและคลอดก่อนกำหนด

ยังมีกลุ่มยาอีกหลายชนิดที่คุณแม่ๆ ยังต้องระวังก่อนจะรับประทานหรือใช้ คุณแม่ควรปรึกษาหมอทุกครั้งก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อลูกน้อยภายในครรภ์

บทความที่เกี่ยวข้อง
ลูกติดจอนาน เสี่ยงกระจกตาอักเสบ จริงไหม ?
ลูกติดจอนาน เสี่ยงกระจกตาอักเสบ จริงไหม ?
16 สิงหาคม 2023 03:23
จริง ใช่ว่าการใช้จอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ต่อเวลานานอาจเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เช่น กระจกตาอักเสบ อาการเหนื่อยตา และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตาได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้จอในระยะเวลานานๆ
สอนลูกให้รู้ เรื่องความฉลาดทางอารมณ์ ได้อย่างไร และต้องเริ่มที่ตรงไหน
สอนลูกให้รู้ เรื่องความฉลาดทางอารมณ์ ได้อย่างไร และต้องเริ่มที่ตรงไหน
23 พฤศจิกายน 2023 08:33
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังสนใจเรื่องการฝึกความฉลาดทางอารมณ์  หรือ EQ ไม่ใช่เรื่องไม่ยาก เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจต่อพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัย และ ทำความเข้าใจกับธรรมชาติของลูกในแต่ละช่วงวัย
ออกกำลังกายหลังคลอด:ดูแลสุขภาพให้ดีหลังคลอด
ออกกำลังกายหลังคลอด:ดูแลสุขภาพให้ดีหลังคลอด
22 มีนาคม 2022 08:37
หลังจากที่คุณแม่ได้ผ่านการดูแลสุขภาพของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ไปแล้ว ตอนนี้ได้เข้าสู่ช่วงเดือนที่ 1-3 หลังคลอด ซึ่งเป็นช่วงเวลา “ปรับตัว และ ปรับฮอร์โมน” เ
ลูกติดมือถือ: ผลเสียมากมาย และวิธีการดูแล
ลูกติดมือถือ: ผลเสียมากมาย และวิธีการดูแล
22 มีนาคม 2022 08:39