ดูทีวีกับลูกอย่างไรให้ลูกได้ประโยชน์สูงสุด
ดูทีวีกับลูก สอนลูกอย่างไรดี?
การดูการ์ตูนหรือภาพยนตร์เป็นกิจกรรมที่หลายๆครอบครัวสามารถทำร่วมกันได้ในวันที่มีเวลาว่าง หรือเป็นวันหยุดพักผ่อน นอกจากเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้เวลากับลูกแล้วก็ยังเป็นกิจกรรมที่ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถผ่อนคลายได้ด้วยเช่นกัน แต่ว่า การให้ลูกดูการ์ตูนหรือภาพยนตร์นั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรให้เขาดูเพียงลำพัง เพราะไม่มีใครสอนหรือให้ข้อมูลที่เขาอยากรู้ได้ดีเท่าพ่อแม่อีกแล้ว การดูการ์ตูนภาพยนตร์กับลูกนั้นจะต้องสอนอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
1. สอนให้ลูกเรียนรู้พฤติกรรมที่ดีและไม่ดี
การ์ตูนและภาพยนตร์สมัยนี้นั้นไม่เหมือนกันสมัยก่อนที่มีการแบ่งแยกขาวดำอย่างชัดเจนอีกต่อไปแล้ว ในการ์ตูนและภาพยนตร์ต่างๆจึงมีทั้งตัวเอกที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป สิ่งเหล่านี้พ่อแม่สามารถนำมาสอนเด็กๆได้ ด้วยการสอนให้เขาได้เรียนรู้การแบ่งปัน ความเห็นอกเห็นใจ การเสียสละ สอนว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงนั้นไม่ถูกต้อง และจำเป็นต้องให้ลูกได้เห็นว่าสิ่งที่ตัวร้ายทำไมดีมาตลอดทั้งเรื่องนั้นจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร สอนให้เขารู้ว่าสิ่งใดสามารถนำมาเป็นแบบอย่างได้ และสิ่งไหนที่ไม่ควรทำตามเลย เป็นต้น
2. สอนให้ลูกรู้จักธรรมชาติของสัตว์ และสิ่งของ
การเปิดการ์ตูนหรือภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์จะช่วยให้เขาเข้าใจสัตว์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ให้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างคร่าวๆว่าสัตว์นั้นควรอยู่ที่ไหน กินอะไร แล้วสิ่งใดที่ไม่เป็นผลดีต่อสัตว์ทั้งหลาย สอนให้เขาเข้าใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากตัวเองและครอบครัว ในส่วนเรื่องสิ่งของนั้น การให้ลูกดูการ์ตูนภาพยนตร์อย่าง Toy story เราสามารถสอนให้เรารู้จักรักษาสิ่งของและการแบ่งปันได้ด้วย
3. เรียนรู้เรื่องภาษา
การเรียนรู้เรื่องภาษาสำหรับลูกนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ภาษาต่างประเทศ แต่รวมถึงภาษาไทยที่เราได้ใช้กันเป็นภาษาแม่ด้วยเช่นกัน เพราะแม้ว่าเราจะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักแต่ก็ยังไม่รู้จักคำศัพท์ทั้งหมดเลย การฝึกฝนด้านภาษาให้ลูกด้วยการดูการ์ตูนภาพยนตร์เป็นวิธีที่เด็กๆจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และเป็นวิธีที่เด็กๆชื่นชอบมากด้วย เมื่อเขาเจอกับคำหรือบทสนทนาที่ไม่เข้าใจ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถแนะนำเขาได้ด้วย
เด็กๆจะดูการ์ตูนภาพยนตร์แล้วได้ประโยชน์หรือไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขากำลังดูกับใคร? หากเขาดูอยู่คนเดียวก็จะไม่มีใครสามารถให้คำแนะนำกับเขาได้ แต่ถ้าลูกดูกับผู้ปกครองนอกจากจะได้เรียนรู้แล้วเรายังสามารถได้ใช้เวลาร่วมกับลูกอีกด้วย
อย่างไรก็ตามความเห็นขององค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า การใช้เวลากับหน้าจอส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรดูหน้าจอ เด็กอายุ 2-5 ขวบไม่ควรดูเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน โดยคุณภาพของรายการโทรทัศน์หรือเนื้อหาในโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ปกครองควรคัดเลือกรายการที่มีคุณภาพและดูร่วมกันกับลูก