mombieclub
mombieclub
@mombieclub

ทำไม ลูกน้อยของเราถึง ตัวเหลือง?

ทำไม ลูกน้อยของเราถึง ตัวเหลือง?
ทำไม ลูกน้อยของเราถึง ตัวเหลือง?

ผ่านเวลาอันยาวนานจนมาถึงวันที่น่ายินดีที่สุดในชีวิตของคุณพ่อ คุณแม่ ก็คือ วันที่เจ้าตัวน้อยได้ลืมตาออกมาดูโลก เป็นวินาทีที่คุณพ่อ คุณแม่นั้นมีความสุขที่สุด และคงอยากจะพาเจ้าตัวน้อยกลับไปชื่นชมบ้านเต็มที แต่แล้วแพทย์ได้แจ้งว่าลูกน้อยจะต้องอยู่โรงพยาบาลต่อเนื่องจาก "ภาวะตัวเหลือง" คงทำให้พ่อแม่เป็นกังวลใจกันไม่น้อยใช่ไหมคะ เรามาทำความเข้าใจและรู้จักเกี่ยวกับภาวะตัวเหลือง เพื่อคลายความกังวลกันดีกว่าค่ะ

ภาวะตัวเหลือง (Jaundice) คืออะไร?

ภาวะตัวเหลือง เกิดจากการที่ร่างกายมีสารสีเหลืองที่ทางการแพทย์ เรียกว่า บิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งมีในกระแสเลือดมากกว่าปกติ บิลิรูบินเกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงผ่านกระบวนการที่ตับและขับออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระและปัสสาวะ

โดยทั่วไปทารกจะมีอาการตัวเหลืองในวันที่ 2-3 หลังคลอด ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะมองเห็นว่าเด็กตัวเหลือง และพิจารณาส่งตรวจค่าบิลิรูบินเพื่อดูระดับความเหลืองและให้การรักษาต่อไปค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยตัวเหลือง?

1. ภาวะตัวเหลืองปกติ (Physiologic Jaundice)

เกิดจากทารกที่อยู่ในท้องคุณแม่มีความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงมากกว่า และเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าของผู้ใหญ่ เมื่อเม็ดเลือดแดงของทารกแตกสลาย เปลี่ยนแปลงไปเป็นบิลิรูบินมากกว่าปกติจนเกินความสามารถในการกำจัดของร่างกาย

เนื่องจากตับของทารกยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การกำจัดบิลิรูบินด้วยตับยังไม่สมบูรณ์ เกิดการสะสมของสารบิลิรูบินขึ้นในร่างกาย หากทารกไม่มีความผิดปกติอื่นร่วมด้วยจะสามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

2. ภาวะตัวเหลืองผิดปกติเนื่องจากมีพยาธิสภาพ (Pathologic Jaundice) มีหลายสาเหตุ เช่น

  • ทารกที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง หรือภาวะเม็ดเลือดแดงขาดเอ็มไซม์ G6PD ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติ
  • ทารกมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมากกว่าปกติ โดยเฉพาะทารกที่คลอดจากแม่ที่เป็นเบาหวาน
  • ภาวะหมู่เลือดแม่กับลูกไม่เข้ากัน พบในแม่ที่มีหมู่เลือดโอกับลูกที่มีหมู่เลือดเอหรือบี หรือแม่ที่มีหมู่เลือด Rh ลบ และลูกมี Rh บวก
  • สัมพันธ์กับการกินนมแม่ พบในทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว มักเกิดกับทารกที่ได้รับนมไม่เพียงพอ สาเหตุที่พบบ่อยคือ ท่าอุ้มให้ลูกดูดนมแม่ไม่ถูกต้อง หรือเกิดจากปัจจัยของลูก เช่น ลูกเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อย หรือมีภาวะลิ้นติด ทำให้ดูดนมแม่ได้ไม่ดี
  • สาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะตับอักเสบ โรคท่อน้ำดีตีบ ซึ่งทารกจะมีอาการตัวเหลืองร่วมกับอุจจาระสีซีด ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน การติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น

แล้วภาวะตัวเหลืองมีความรุนแรงมากแค่ไหน?

หากระดับบิลิรูบินมากเกินไปจะผ่านเข้าสู่สมองไปจับที่เนื้อสมอง ทำให้สมองผิดปกติเรียกว่า เคอร์นิกเทอรัส (Kernicterus)

  • ระยะแรกจะมีอาการซึม ตัวอ่อน และดูดนมไม่ดี
  • ระยะต่อมาทารกจะซึมลง ตัวอ่อนมากขึ้น มีอาการกระสับกระส่าย มีไข้ ร้องเสียงแหลม ตัวเกร็ง คอแอ่นไปด้านหลัง หลังแอ่น

*ระยะแรกๆ นี้หากได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดโดยเร็วที่สุด อาจทําให้สมองไม่ถูกทําลายโดยถาวร ลดความรุนแรงของความพิการทางสมอง แต่หากไม่ได้รับการรักษาก็จะมีอาการจะรุนแรงขึ้น คอและหลังเกร็งแอ่นมากขึ้น ไม่ดูดนม ชัก หยุดหายใจ โคม่า และอาจเสียชีวิตได้ค่ะ

โดยปกติแล้วทารกที่คลอดครบกําหนดและมีสุขภาพแข็งแรง ประมาณ 80% จะมีภาวะตัวเหลืองจางๆ เมื่ออายุ 3-4 วัน และจะหายจากอาการตัวเหลืองไปเอง แต่หากทารกมีอาการตัวเหลืองผิดปกติ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยทั่วไปจะพบน้อย กว่า 1% คือ มีระดับสารสีเหลืองสูงกว่าปกติ หากคุณพ่อ คุณแม่สังเกตเห็นลูกมีอาการดังต่อไปนี้ต้องระวัง!

  • เหลืองเร็ว คือเหลืองให้เห็นภายในอายุ 1-2 วันแรก
  • เหลืองจัด คือเหลืองเข้ม ฝ่ามือฝ่าเท้าเหลืองชัดเจน
  • เหลืองนาน แม้อายุจะเกิน 7 วันแล้ว แต่ยังมีอาการเหลืองอยู่
  • อุจจาระมีสีซีด ปัสสาวะมีสีเข้มกว่าปกติ
  • เหลืองร่วมกับอาการเจ็บป่วยอย่างอื่น เช่น มีใช้ ซึม อาเจียน ถ่ายเหลว *หากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าว ควรรีบพาลูกไปพบกุมารแพทย์นะคะ เพราะมีค่าบิลิรูบินมากเกินไป อาจจะไปเกาะในเซลล์สมองทําให้เกิดความผิดปกติทางสมอง และอาจถึงขั้นเกิดภาวะปัญญาอ่อนได้ ถ้ารักษาไม่ทันเวลาค่ะ

วิธีสังเกตง่ายๆ หากลูกน้อยตัวเหลือง

  • อยู่ในห้องที่มีแสงสว่างพอ
  • สังเกตสี ปกติจะเห็นเป็นสีขาวแต่ถ้าเห็นเป็นสีเหลือง โดยเฉพาะถ้าเหลืองถึงท้องควรรีบพบแพทย์นะคะ
  • ใช้นิ้วมือกดลงบนผิวหนังเด็ก หรือใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้กดที่ผิวหนังพร้อมกับแยกออกจากกันเพื่อรีดเลือดออกจากหลอดเลือดฝอยบริเวณที่จะตรวจ

ภาวะตัวเหลืองสามารถรักษาได้...

ในกรณีที่เจ้าตัวน้อยมีค่าบิลิรูบินไม่สูงมาก จะสามารถขับบิลิรูบินออกมาได้เองโดยไม่ต้องรักษาค่ะ

  1. การส่องไฟ โดยใช้หลอดไฟชนิดพิเศษให้แสงสีฟ้าที่มีความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะส่องไฟ จะต้องถอดเสื้อผ้าทารก ปิดตา และแพทย์จะตรวจเลือดดูระดับบิลิรูบินเป็นระยะจนลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ผลเสียของการส่องไฟคือ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำหนักตัวลดลง เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นจากการส่องไฟ
  2. การเปลี่ยนถ่ายเลือด คือ การเอาเลือดทารกที่มีบิลิรูบินสูงออกจากตัวเด็กและเติมเลือดอื่นเข้าไปทดแทน จะทำในกรณีที่ระดับบิลิรูบินสูงมากหรือทารกเริ่มมีอาการแสดงทางสมองเพื่อลดระดับบิลิรูบินอย่างรวดเร็ว
  3. แก้ไขสาเหตุของภาวะตัวเหลือง จากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ
Related Articles
กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้
กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้
22 กุมภาพันธ์ 2021 06:44
กลุ่มยาต้องห้าม! ที่แม่ก่อนตั้งครรภ์และกำลังตั้งครรภ์ห้ามใช้ การศึกษาเรื่องยาเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณแม่ต้องรู้ว่ามีตัวยาชนิดไหนที่ทานได้หรือไม่ได้บ้าง
ทารกกระหม่อมบุ๋มอันตรายไหม?
ทารกกระหม่อมบุ๋มอันตรายไหม?
29 มกราคม 2021 04:06
กระหม่อมคือรอยต่อของกระดูกบริเวณศีรษะทารกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่จึงเห็นเป็นรอยบุ๋ม มีการเต้นตุบๆ ตามการเต้นของหัวใจอีกต่างหาก สำหรับทารกตรงนี้เป็นจุดที่
คนท้องทานอะไรไม่ได้บ้าง?
คนท้องทานอะไรไม่ได้บ้าง?
17 กุมภาพันธ์ 2021 03:13
อาหารที่คนท้องห้ามทานตั้งแต่ท้องอ่อนจนถึงวันคลอด คนท้องทานอะไรไม่ได้บ้าง? อาหารรสจัด เพราะระบบย่อยอาหารของคุณแม่ตั้งครรภ์จะผิดปกติไม่เหมือนเดิม
พูดช้า กับ เดินช้า อันไหนแม่กังวลกว่ากัน?
พูดช้า กับ เดินช้า อันไหนแม่กังวลกว่ากัน?
08 กุมภาพันธ์ 2021 02:11
เวลาเห็นลูกคนอื่นเดินได้ตั้งแต่ขวบนิดๆ เห็นลูกคนอื่นเริ่มพูดเป็นคำได้แล้ว ตายตายทำไมลูกเราช้าจัง คุณแม่กังวลกับอะไรมากกว่า
พัฒนาการของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
พัฒนาการของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
21 กุมภาพันธ์ 2021 14:25
พัฒนาการของคุณแม่ที่กําลังตั้งครรภ์ ไตรมาสที่ 1 ( 1-3 เดือน หรือ 1-13 สัปดาห์ ) - ในไตรมาสแรกอย่างน้อยประมาณเดือนครึ่งคุณแม่จะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองต