ลูกสนุก แม่สะดวก ด้วย รถเข็น

ใครเคยได้ยินเสียงเปรยๆ บ่นๆ ลอยมาตามสายลมเข้าหูเราบ้างคะ
มีลูกทำไมไม่อุ้มลูก ทำไมให้ลูกนั่งรถเข็น
ซื้อรถเข็นคันละหลายพันบาทมาทำไม อุ้มเอาก็ได้ลูกตัวเท่านี้เอง
เสียงนั้นช่างเสียดแทงหัวใจ...
ปกติเราก็อุ้มลูก แต่เมื่อลูกโตขึ้น น้ำหนักมากขึ้น เราก็อุ้มเขาได้ไม่นาน ปวดหลัง ปวดไหล รู้สึกหนัก
ไม่ใช่ไม่อดทนนะคะ แต่แขนล้า ไม่มีกำลัง อุ้มไปนานๆ เกร็ง ตะคริวกิน กลัวจะทำลูกหลุดมือ หรือเดินนาน กลัวสะดุด หัวทิ่ม จะเกิดอันตรายแก่ลูก
เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน การให้ลูกนั่งรถเข็นจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของเราตอนนี้
ยิ่งใช้ยิ่งเห็นข้อดี และรู้สึกว่า คิดถูกแล้วที่ซื้อรถเข็นเด็ก แม้ราคาจะสูงไปบ้าง แต่ก็ใช้งานได้คุ้มค่าเหมาะสมกับราคาค่ะ
จากอุ้มลูกเดินเล่นสักพักเหนื่อย หนัก เมื่อยแขน ก็นั่งพัก อุ้มลูกบนตัก ตอนนี้สามารถเข็นพาเจ้าตัวเล็กออกไปไหนต่อไหนได้ไกลขึ้น และเขาก็ดูเพลิดเพลิน ชอบใจ กระดิกขาดิ๊กๆ
ชี้มือชี้ไม้ให้พาไปดูนั้นนี่ ตามใจสิค่ะ ไม่ได้ลำบาก เหนื่อยอะไรมากเลย แค่ออกแรงเข็นรถเข็นเด็กก็เคลื่อนตัวฉิว
ไม่รู้ว่าคุณแม่ติดเที่ยวหรือลูกติดเที่ยว ตั้งแต่มีรถเข็น เราเอาลูกใส่รถเข็นไปเดินเล่นนอกบ้านแทบทุกวัน
ลูกสามารถหลับในรถเข็นได้ ลูกหลับที่ไหนก็ได้ ชีวิตสะดวกมากค่ะ
เวลาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็ไม่ต้องอุ้มไว้บนตัก (ลูกยังเล็กเกินกว่าจะนั่งเก้าอี้เด็กค่ะ) ให้ลูกนั่งบนรถเข็น มือไม้เขาก็ไม่ระรานทำข้าวของบนโต๊ะอาหารเลอะเทอะ
แต่แม้เราจะมีรถเข็น ก็ไม่ได้จับลูกนั่งรถเข็นตลอดเวลานะคะ เราจะใช้รถเข็นเวลาออกนอกบ้านไกลๆ หรือไปตามห้างสรรพสินค้า สะดวกในการเดินดีค่ะ
ส่วนเวลาอยู่บ้าน จะมีกำหนดเวลาพาลูกออกไปเดินเล่นรอบๆ บ้าน ซึ่งจะเป็นเวลาแดดร่มลมตก ก่อนพลบค่ำ ขณะที่ยังมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อยู่
พอทำแบบนี้ทุกวัน เจ้าตัวเล็กก็จะเกิดการจดจำว่า ใกล้ถึงเวลาที่แม่จะพาออกไปเที่ยวแล้ว ถ้าวันไหนที่พาออกไปช้าหน่อย จะเริ่มสังเกตเห็นอาการส่งเสียงร้อง ตัวดิ้นไปมา ตามองออกนอกบ้าน (สงสัยจะติดใจชอบเที่ยวเข้าแล้ว)
นอกนั้นเวลาอื่นๆ ก็ไม่ได้ใช้รถเข็นค่ะ รถเข็นซื้อมาเพื่ออำนวยความสะดวกในบางสถานการณ์
ถึงอย่างไรลูกเราก็ต้องมีพัฒนาการ การปล่อยให้เขาลงมาคลานกับพื้น จะช่วยให้ลูกได้ใช้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากขึ้น
และการอุ้มลูกพาเดินไปชมนั้นนี้ พูดคุยกับเขาใกล้ชิด ก็เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ให้กระชับเหนียวแน่นมากขึ้นค่ะ