mombieclub
mombieclub
@mombieclub

อาการโควิดในเด็ก: สิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในสถานการณ์ปัจจุบัน

อาการโควิดในเด็ก
อาการโควิดในเด็ก

การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถหาทางจัดการได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กที่อาจไม่รู้สึกอาการเลยแต่ก็ติดเชื้อได้ การสังเกตุอาการโควิด-19 ในเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองและครูควรรู้เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสถานศึกษา วันนี้แม่จ้าเลยจะมาบอกวิธีสังเกตอาการของลูกๆกันค่ะ

อาการโควิดในเด็ก

อาการของโรคโควิด-19 ในเด็กจะมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ ซึ่งอาจทำให้การตรวจวินิจฉัยเป็นเรื่องยาก อาการที่พบบ่อยที่สุดในเด็กคือ ไข้ ไอ และน้ำมูก โดยอาการเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งโควิด-19 และโรคอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ดังนั้น การตรวจวินิจฉัยโรคโควิด-19 ในเด็กจึงต้องใช้วิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสม

อาการหายใจ

เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 อาจมีอาการหายใจลำบาก หรือหายใจเร็ว และมีอาการหอบเหนื่อย ควรตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยหายใจของเด็กอย่างสม่ำเสมอ เช่น หน้ากากอนามัยหรือเครื่องช่วยหายใจ และพบอาการเหล่านี้ควรนำเด็กไปพบแพทย์ทันที

อาการทางเดินอาหาร

เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 อาจมีอาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องเสีย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อไวรัส ควรให้เด็กพักผ่อนในบ้านและดื่มน้ำเพียงพอ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการเฉียบพลันควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

อาการผิวหนัง

อาการผิวหนังของเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 อาจมีอาการผื่น และหนักแน่นบริเวณหน้าอก ควรตรวจสอบอาการเหล่านี้และพบแพทย์เพื่อรับการรักษาในกรณีที่อาการเป็นรุนแรง

การสังเกตอาการโควิดในเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสต่อไป ควรสังเกตอาการเด็กอย่างใกล้ชิดและรีบพบแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ

การวินิจฉัยโควิดในเด็ก

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

การตรวจโควิดในเด็กจะใช้วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้เทคนิค RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่น่าเชื่อถือและมีความแม่นยำสูงในการตรวจโควิด-19 ในเด็ก วิธีการนี้จะตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในส่วนของไนโตรเจนเบส (N-gene) ของเชื้อ โดยการเก็บตัวอย่างจากจมูกหรือลำคอของเด็ก

การตรวจร่างกาย

การวินิจฉัยโควิดในเด็กยังสามารถทำได้โดยการตรวจร่างกาย โดยจะต้องตรวจสอบอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เช่น ไข้, ไอ, น้ำมูก, หายใจเหนื่อย, หอบเหนื่อย, ปวดคอ และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19

นอกจากนี้ การตรวจร่างกายยังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงของเด็กที่อาจติดเชื้อโควิด-19 โดยการตรวจความเสี่ยงจากการเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และการตรวจความเสี่ยงจากการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น การใช้ห้องประชุมใหญ่ หรือการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

การวินิจฉัยโควิดในเด็กจึงต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจร่างกายร่วมกันเพื่อสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

หากสงสัยว่าเด็กๆ อาจติดเชื้อไวรัส COVID-19

-ระดับที่ 1 คือ อาการที่ยังสามารถสังเกตอาการของเด็กที่บ้านต่อไปได้ ได้แก่ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ตามปกติ ไม่ซึม

-ระดับที่ 2 คือ ระดับที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กไปส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร

แม้การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กส่วนใหญ่กว่า 90% จะมีอาการไม่รุนแรง แต่กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเด็ก ๆ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะป่วยหนัก ปอดอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิต ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ผู้ใหญ่ควรงดสัมผัสหรือหอมแก้มเด็กเล็กโดยไม่จำเป็น โดยระยะฟักเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 14 วันโดยประมาณ และมักจะมีอาการของโรคใน 4-5 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ

การรักษาโควิดในเด็ก

การรักษาที่บ้าน

เมื่อเด็กได้รับการตรวจโควิดแล้วพบว่าติดเชื้อ สิ่งที่คุณควรทำคือให้เด็กได้พักผ่อนในบ้าน และต้องเฝ้าระวังอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากเด็กมีอาการปวดหัว ไข้ ไอ หรืออาการอื่น ๆ ควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้ คุณยังสามารถดูแลเด็กเองได้ด้วยการให้เด็กพักผ่อนในที่สะอาด และเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากอาการของเด็กเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น คุณควรพาเด็กไปพบแพทย์โดยทันที

การรักษาที่โรงพยาบาล

หากเด็กมีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคโควิด คุณควรพาเด็กไปพบแพทย์โดยทันที แพทย์จะตรวจร่างกายและอาการของเด็ก และจะรักษาโรคโควิดให้เด็กได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

การรักษาโควิดในเด็กที่โรงพยาบาลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. การรักษาโควิดโดยใช้ยา: แพทย์จะสั่งให้เด็กได้รับยาเพื่อช่วยลดอาการ และช่วยให้ร่างกายของเด็กสามารถต่อสู้กับเชื้อได้ดียิ่งขึ้น
  2. การรักษาโควิดโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ: หากเด็กมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคโควิด แพทย์อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยให้เด็กหายใจได้สะดวกขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
สอนแปรงฟัน: สอนอย่างไร ลูกไม่เสียน้ำตา
สอนแปรงฟัน: สอนอย่างไร ลูกไม่เสียน้ำตา
18 กรกฎาคม 2022 02:39
หลายๆ บ้านคงเจอปัญหานี้กันไม่มากก็น้อยใช่ไหมคะ เพราะลูกน้อยของเรานั้นไม่ชอบแปรงฟันหรือไม่ยอมให้แปรงฟันเลย เพียงแค่เห็นแปรงก็ทำหน้าบึ้งเตรียมตัวจะร้องไ
พี่เลี้ยงเด็ก:เลือกอย่างไรให้วางใจได้
พี่เลี้ยงเด็ก:เลือกอย่างไรให้วางใจได้
21 กรกฎาคม 2022 02:33
พี่เลี้ยงเด็ก เป็นหนึ่งในผู้ช่วยสำคัญที่จะช่วยดูแลลูกน้อยของเราในเวลาที่เรานั้นไม่มีเวลาดูแลลูกเอง การเลือกพี่เลี้ยงเด็กนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เ
 อาหารบำรุงครรภ์: สำหรับคุณแม่มือใหม่
อาหารบำรุงครรภ์: สำหรับคุณแม่มือใหม่
18 กรกฎาคม 2022 04:54
คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่เตรียมตัวเตรียมใจกำลังจะเป็น คุณแม่มือใหม่ ควรใส่ใจเรื่องอาหารและให้ความสำคัญนะคะ เนื่องจากสารอาหารมีส่วนช่วยบำรุงระบบต่างๆ รวมไปถึ