ท้องนอกมดลูก: สาเหตุ อาการ และการดูแลรักษา
ท้องนอกมดลูก เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อท้องของหญิงตั้งครรภ์ไม่อยู่ภายในมดลูก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงต้น หรือกลางภาคต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สาเหตุทางสิ่งแวดล้อม พันธุกรรม และสุขภาพของแม่
การตรวจวินิจฉัยท้องนอกมดลูก สามารถทำได้โดยใช้เทคนิคการตรวจอัลตราซาวด์ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่มีความแม่นยำสูง และปลอดภัยต่อแม่และทารก โดยการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยให้แม่ที่มีภาวะท้องนอกมดลูกได้รับการรักษาในระยะเวลาที่เหมาะสม และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
ท้องนอกมดลูก อันตรายหรือไม่?
ภาวะท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะไม่ใช่ภาวะที่ร้ายแรงต่อชีวิตแม่และทารก แต่ก็สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแม่และทารกได้ในระยะยาว ดังนั้น การตรวจวินิจฉัยและรักษาท้องนอกมดลูกเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลครรภ์และการคุมกำเนิดของแต่ละบุคคล
สาเหตุของ ท้องนอกมดลูก
ท้องนอกมดลูกเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อไข่ที่ถูกผสมกับเซลล์อสุจิตหรือเซลล์ต่อมไทรอยด์ไม่ได้เดินทางไปยังมดลูก แต่ไปติดอยู่ในท่อนอกหรือท่อนอื่นของระบบท่อนไข่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเลือดออกมากได้
สาเหตุของท้องนอกมดลูกมีหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม และปัจจัยทางการพยาบาล
ปัจจัยทางพันธุกรรม
การมีประวัติท้องนอกมดลูกในครอบครัวอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีความผิดปกติในระบบการผสมของเซลล์อสุจิตและเซลล์ไข่
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาคุมกำเนิดที่ผิดวิธีการใช้ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะท้องนอกมดลูกได้
ปัจจัยทางการแพทย์
การทำหัตถการผ่าตัดที่เกี่ยวกับระบบท่อรังไข่ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาบางชนิดเพื่อรักษาโรคที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้
การป้องกันท้องนอกมดลูก ควรรักษาสุขภาพอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการใช้ยาคุมกำเนิดตามวิธีการใช้ที่ถูกต้อง
อาการของท้องนอกมดลูก
ท้องนอกมดลูกเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อไข่ตกไปยังท่อนำไข่และติดอยู่ที่หน้าท้องแทนที่จะติดอยู่ในมดลูก ซึ่งสาเหตุของภาวะนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดไข่นอกมดลูก การติดไข่ในท่อน้ำดี การติดไข่ในช่องท้อง หรือการติดไข่ในท่อน้ำมดลูก
อาการของท้องนอกมดลูกมีหลายอาการ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะนี้ โดยทั่วไปแล้ว อาการของท้องนอกมดลูกประกอบไปด้วย
- ปวดท้อง ที่เป็นจุด ๆ หรือกระจัดกระจายในท้อง
- การอาเจียน หรือคลื่นไส้<br>
- มีเลือดออกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์<br>
- อาการเป็นไข้ หรืออาการปวดและบวมในช่องท้อง
นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการรักษาทันที ภาวะนี้อาจเกิดภาวะช็อกได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น หากมีอาการของท้องนอกมดลูก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที
การวินิจฉัยท้องนอกมดลูก
การวินิจฉัยท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจากภาวะนี้อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยได้ การวินิจฉัยท้องนอกมดลูกจะใช้สิ่งตรวจหลายชนิด เช่น การตรวจภายนอก การตรวจด้วยอุปกรณ์ช่วย เช่น อุปกรณ์ช่วยดูภาพ และการตรวจเลือด เป็นต้น
สำหรับการวินิจฉัยท้องนอกมดลูกโดยการตรวจด้วยอุปกรณ์ช่วยดูภาพ จะใช้เทคนิคการทำ Sonography โดยจะต้องมีคุณภาพของผู้ดูแลและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจ การตรวจด้วย Sonography จะช่วยในการวินิจฉัยว่าท้องนอกมดลูกเกิดขึ้นที่ไหน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฉุกเฉินอย่างไรบ้าง
นอกจาก Sonography แล้ว การตรวจด้วยอุปกรณ์ช่วยดูภาพอื่น ๆ เช่น Magnetic Resonance Imaging (MRI) และ Computed Tomography (CT) ก็สามารถใช้ในการวินิจฉัยท้องนอกมดลูกได้ แต่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฉุกเฉินสูงขึ้น
การตรวจเลือดสามารถช่วยในการวินิจฉัยท้องนอกมดลูกได้เช่นกัน โดยจะต้องตรวจว่าระดับฮอร์โมนช่วงต้นซึ่งจะสูงกว่าปกติหรือไม่ รวมถึงตรวจว่าระดับฮีโร่โปรเจสเทอร์โรน (hCG) ในเลือดมีค่าเท่าไหร่
การวินิจฉัยท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องการความรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฉุกเฉินในอนาคต
การรักษาท้องนอกมดลูก
การรักษาท้องนอกมดลูกจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะโดยรวมและอาการของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษาที่สามารถนำมาใช้ได้ ดังนี้
การผ่าตัด
การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาท้องนอกมดลูกที่สำคัญ โดยจะต้องผ่าตัดช่องท้องเพื่อเอาท้องนอกออก การผ่าตัดนั้นจะมีความเสี่ยงทางการแพทย์และอาจจะทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น แต่การผ่าตัดนั้นเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการรักษาท้องนอกมดลูกที่มีความรุนแรงมาก
การให้ยา Methotrexate
Methotrexate เป็นยาที่ใช้ในการรักษาท้องนอกมดลูก โดยจะฉีดยาเข้าสู่เส้นเลือด เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ทำให้เกิดท้องนอกมดลูก การให้ยา Methotrexate นั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาท้องนอกมดลูกที่มีความรุนแรงน้อยกว่าการผ่าตัด แต่อาจจะใช้เวลาในการรักษานานขึ้น
การติดตามและดูแลผู้ป่วย
การติดตามและดูแลผู้ป่วยหลังการรักษาท้องนอกมดลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีอาการหลังการรักษาได้ โดยอาจมีอาการเจ็บปวดหรือมีเลือดออกต่อเนื่อง การติดตามและดูแลผู้ป่วยจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาท้องนอกมดลูกนั้นมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย แต่การเลือกใช้วิธีการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะโดยรวมและอาการของผู้ป่วย ดังนั้นควรป
การป้องกันท้องนอกมดลูก
ท้องนอกมดลูกเป็นภาวะที่เกิดจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีประวัติเคยเป็นท้องนอกมดลูกมาก่อน การป้องกันท้องนอกมดลูกมีหลายวิธี ดังนี้
การตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยในการตรวจหาสภาวะท้องนอกมดลูกได้เร็วขึ้น และช่วยเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยผู้หญิงควรไปตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีเพื่อตรวจสุขภาพและความเหมาะสมในการตั้งครรภ์
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสูงและเหมาะสมสำหรับผู้ตั้งครรภ์จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดท้องนอกมดลูก ผู้หญิงควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ และอาหารที่มีเกรียมาก เช่น ผักใบเขียวเข้ม และผลไม้เช่น ส้ม แตงกวา เป็นต้น
การตรวจสอบสุขภาพท้องระยะแรก
การตรวจสอบสุขภาพท้องระยะแรกจะช่วยตรวจหาสภาวะท้องนอกมดลูกได้เร็วขึ้น และช่วยเตรียมความพร้อมในการดูแลตัวเองและเจ้าตัวทารกในครรภ์ให้ดียิ่งขึ้น ผู้หญิงควรไปตรวจสุขภาพท้องระยะแรกที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีความชำนาญด้านสูตินรีเวช
การหยุดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดท้องนอกมดลูกได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงควรหยุดสูบบุหรี่และดื่ม
ref
1.https://sonographycanada.ca/about-sonography/what-is-sonography-2
2.https://www.nibib.nih.gov/science-education/science-topics/magnetic-resonance-imaging-mri
3.https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/computed-tomography-ct-scan